Customer Reviews

บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ
3
แล้วคุณจะแปลกใจว่านิ้วกับสมองทำงานสัมพันธ์กันยังไง
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ที่เลือกเอาเล่มนี้มารีวิวก็เพราะว่าหลายคนอาจจะคิดว่าการบริหารนิ้วมือก็คงจะมีประโยชน์เฉพาะกับนิ้วมือเท่านั้น อาจจะช่วยแก้อาการเมื่อยล้า แก้อาการนิ้วล็อกได้ทำนองนั้น แต่จริงๆ แล้วการบริหารนิ้วและมือนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ซึ่งก็คือมีประโยชย์ไปถึงสมองของเราด้วย บริหารนิ้ววันละ 5 นาที ยืดอายุสมองและสุขภาพ ไม่ใช่หนังสือที่จะมาแนะนำทางลัดในการมีสมองและสุขภาพที่ดี แต่เป็นหนังสือสุขภาพที่ต้องอาศัยวินัยของผู้อ่านในการทำตามวิธีในหนังสืออย่างสม่ำเสมอ วันละนิดวันละหน่อยแค่ 5 นาที ก่อนอื่นก็ต้องเริ่มเข้าใจกันก่อนว่าสมองกับนิ้วและมือนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ซึ่งผู้อ่านสามารถศีกษาได้จากบทที่ 1 สายสัมพันธ์ของสมองกับปลายนิ้ว มาที่เรื่องของท่าทางในการบริหารนิ้วกันบ้าง ข้อดีของหนังสือเล่มนี้ก็คือเป็นท่าบริหารที่ทำได้ง่ายมาก สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือรูปภาพประกอบที่ไม่ใช่รูปคนจริงๆ ก็อาจทำให้ไม่แน่ใจอยู่บ้างเวลาทำตาม แต่ด้วยความที่ท่ามันง่าย เรื่องรูปประกอบก็เลยไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ ต้องบอกว่าการยืดอายุสมองไม่ได้หมายความว่าป้องกันสมองเสื่อมเท่านั้น แต่การบริหารนิ้วยังสามารถช่วยในเรื่องสมาธิ การสร้างความคิดสร้างสรรค์ การคิดคำนวณ ช่วยคลายเครียด ปรับอารมณ์ หายง่วง และสมองปลอดโปร่งด้วย หลังจากที่ทดลองกับตัวเองโดยเฉพาะท่าที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง คิดว่าได้ผลดีเลยทีเดียว รู้สึกสดชื่น ไม่เฉื่อยชาเหมือนเมื่อก่อน ใครที่ชอบความง่ายในการบริหารร่างกายแล้วได้ประโยชน์ไปถึงเรื่องสมอง แนะนำเลยสำหรับเล่มนี้ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
3
รับประกันจากประสบการณ์ตัวเองเลยว่า การออกกำลังกายตามเล่มนี้ไม่ยาก และได้ผลจริงค่ะ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ถึงแม้ว่าตอนนี้อายุตัวเองจะยังไม่ 30 ปีก็ตาม แต่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองก็คงไม่ต่างจากคนอายุ 30 เท่าไหร่ อาจจะเรียกว่าร่างกายแก่เกินวัยก็ได้ ที่บอกแบบนี้ไม่ใช่ว่าคิดไปเองนะคะ แต่เราลองสำรวจตัวเองตามหนังสือแล้ว อย่างเช่นกล้ามเนื้อไม่กระชับเหมือนแต่ก่อน เกิดอาการตึงตามข้อหรือตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เหนื่อยง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน และพุงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดก็เลยเป็นสาเหตุที่เอาเล่มนี้มาอ่าน ในตอนแรกๆก็จะเป็นการพูดถึงเรื่องทฤษฎีการออกกำลังกายซึ่งเยอะมาก ใครกังวลว่าจะออกกำลังกายไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะสมกับวัย เลิกกังวลไปได้เลยค่ะ คุณจะได้อ่านแต่ทฤษฎีแบบเต็มๆ 70 หน้าเลยทีเดียว และหลังจากนั้นถึงจะเป็นเรื่องของท่ากายบริหารในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น การบริหารร่างกายเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังและคอ การบริหารร่างกายเพื่อแก้อาการปวดเข่า การออกกำลังกายเพื่อให้ห่างไกลโรคกระดูกพรุน หรือการออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ เป็นต้น ปิดท้ายด้วยการออกกำลังกายแบบผสมผสานสำหรับคนขี้เกียจหรือไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทุกท่าของการออกกำลังกายในหนังสือจะละเอียดมาก บอกวิธีการเป็นขั้นเป็นตอน มีคำอธิบายประกอบความเข้าใจแบบละเอียด ประโยชน์ที่จะได้รับและข้อควรระวังต่างๆ มีครบหมด ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะทำไม่ไหวหรือจะมีอาการบาดเจ็บตามมา เว้นแต่ผู้อ่านจะใจไม่สู้เอง อันนี้คงช่วยไม่ได้จริงๆ รับประกันจากประสบการณ์ตัวเองเลยว่า การออกกำลังกายตามเล่มนี้ไม่ยาก และได้ผลจริงค่ะ
สุขทุกลมหายใจ
3
เป็นหนังสือคู่มือขจัดความเครียดในแบบฉบับ Back to Basic
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สุขทุกลมหายใจ Simply Relax เป็นหนังสือคู่มือขจัดความเครียดในแบบฉบับ Back to Basic หรือแบบกลับคืนสู่สามัญค่ะ วิธีการที่ผู้เขียนบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้จะเป็นวิธีการง่ายๆ ธรรมดาๆ ที่สามารถทำได้เลยทุกคน ในทุกๆ วิธีการที่แนะนำเราสังเกตได้ว่าผู้เขียนได้สอดแทรกหลักปรัชญาในการใช้ชีวิตแบบพุทธศาสนาไว้ด้วยตลอด ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจของผู้เขียนกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเครียดหรือวิตกกังวลก็ต้องเริ่มจากการค้นหาสาเหตุหรือตัวการที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก่อน ซึ่งในทางพุทธศาสนาก็คือการค้นหาเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง ที่บอกว่าผู้เขียนเลือกใช้วิธีการง่ายๆ ในการขจัดความเครียด จะง่ายแค่ไหนลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่า วิธีที่ใช้ก็เช่น การจดบันทึกความเครียดของตัวเอง การยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย การหมั่นระลึกถึงความสำเร็จที่ได้รับมาในอดีต (อันนี้ถ้าคนเครียดเพราะล้มเหลวจะทำยังไง) การฝึกควบคุมการหายใจหรือที่เรียกว่าการหายใจแบบโยคะ การนวดผ่อนคลาย การฟังเพลง เป็นต้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะเป็นลักษณะของการกระตุ้นให้ผู้อ่านเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า อย่างเช่น การสร้างมุมมองใหม่ๆ การมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นต้น ถือว่าหนังสือเล่มนี้มีทั้งวิธีการที่เป็นวิธีเชิงปฏิบัติและวิธีการในทางจิตวิทยาซึ่งเป็นเรื่องของการพัฒนาความคิด พัฒนาจิตใจ ทัศนคติของตัวเอง ฯลฯ ถึงแม้ว่าจะเล่มนี้เป็นหนังสือแปล แต่ก็ไม่ได้อ่านยากอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะผู้แปลเป็นแพทย์และเน้นการแปลด้วยถ้อยคำสำนวนแบบไทย ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้กำลังอ่านหนังสือแปลอยู่ แนะนำเลยค่ะ
3
เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องวิธีการและประโยชน์ที่จะได้รับจากการมองโลกในแง่บวก
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มองโลกให้บวก เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องวิธีการและประโยชน์ที่จะได้รับจากการมองโลกในแง่บวก การมองโลกในแง่บวกมีประโยชน์ที่สำคัญคือเป็นการเพิ่มพลังและความมั่นใจให้กับตัวเองในเวลาที่เราต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ การมองโลกเป็นบวก สามารถพลิกชีวิตจากวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ จริงๆแล้วเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการคิดบวกก็คงมีประมาณนี้อยู่แล้ว เราเลยสนใจไปที่เรื่องของวิธีการที่จะเปลี่ยนตัวเองจากคนคิดลบให้เป็นคนคิดบวกมากกว่า ซึ่งส่วนนี้แอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะว่าดูเป็นอะไรที่จับต้องไม่ค่อยได้เลย เป็นการพูดถึงหลักการแบบกว้างๆโดยไม่ได้บอกว่าต้องทำยังไงเป็นขั้นตอน อย่างเรื่องการประเมินระดับการมองโลกในแง่ดีของตัวเองในปัจจุบัน เราก็คิดว่าอาจจะมีแบบทดสอบให้เราพอรู้ได้ว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีรึเปล่า อยู่ในระดับไหน แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีแบบทดสอบอะไรเลย ก็งงอยู่เหมือนกันว่าแล้วเราจะรู้ได้ยังไง แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่อ่านแล้วไม่เข้าใจนะ มีหลายเรื่องที่น่าสนใจดี อย่างเรื่องวิธีปฏิบัติสู่ความแข็งแกร่งซึ่งหมายถึงความสามารถสูงสุดของเรา ในหนังสือจะอธิบายว่าเราจะสำรวจตัวเองได้อย่างไรว่าเรามีความแข็งแกร่งแค่ไหน เราจะใช้ความแข็งแกร่งที่เรามียังไง การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง รวมๆแล้วก็เป็นหนังสือที่น่าสนใจอยู่ในระดับหนึ่ง ไม่อยากใช้คำว่าเป็นหนังสือที่ดี แต่เป็นหนังสือที่พออ่านได้มากกว่า
3
โยคะเด็กที่ผู้ใหญ่ก็อ่านได้
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โยคะเด็ก diy เป็นหนังสือสอนโยคะสำหรับเด็ก แต่สาเหตุที่เลือกเล่มนี้มาอ่านและรีวิวก็เพราะเป็นท่าโยคะที่คนพึ่งเริ่มฝึกอย่างตัวเองสามารถทำตามได้ไม่ยาก ซึ่งเอาเข้าจริงๆก็มีบางท่าที่คิดว่าขนาดผู้ใหญ่บางคนก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ในหนังสือเล่มนี้จะประกอบด้วย แบบฝึกวิธีการหายใจ แบบฝึกสมาธิ และท่าโยคะต่างๆรวมทั้งหมด 30 ท่า สำหรับหลักการฝึกโยคะสำหรับเด็กนั้นแทบจะไม่แตกต่างจากของผู้ใหญ่เลย สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นโยคะสำหรับเด็ก แถมยังมีคำว่า diy ต่อท้ายมาอีก สำหรับหลักการของโยคะก็คือการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายและลมหายใจของเราให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง ในส่วนของประโยชน์ที่ได้จากการฝึกโยคะสำหรับเด็กๆก็คงเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ เรื่องอารมณ์ และสติปัญญา เรื่องบุคลิกภาพ การฝึกโยคะทำให้เด็กมีบุคลิกภาพที่ดี ตัวสูง สุขภาพแข็งแรง ในเรื่องอารมณ์ โยคะทำให้เด็กๆมีจิตใจที่แจ่มใส เป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น และในเรื่องสติปัญญา ก็จะช่วยให้เด็กๆมีสมาธิ สมองสดชื่น แจ่มใส มีความจำที่ดี เรื่องประโยชน์ของโยคะนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็ได้ ผู้อ่านคงทราบกันบ้างอยู่แล้ว ในส่วนของท่าฝึกต่างๆก็อธิบายได้เข้าใจง่ายดี ทุกๆท่าจะมีหัวข้อดังนี้คือ ประโยชน์ที่จะได้รับ วิธีอบอุ่นร่างกายและวิธีหายใจ พร้อมรูปภาพประกอบ วิธีฝึกพร้อมรูปภาพประกอบแบบเป็นขั้นตอน และมีข้อควรจำในการฝึกด้วย สำหรับท่าที่น่าสนใจก็เช่น โยคะช่วยให้หน้าตาสดใส โยคะป้องกันโรคอ้วน โยคะช่วยให้ร่างกายสมดุล โยคะช่วยป้องกันหวัด โยคะช่วยให้ผ่อนคลายอย่างต็มที่ โยคะช่วยให้สมองแจ่มใส เป็นต้น
50 สารเสริม & วิตามินกินแทนยา
3
คิดว่าได้ความรู้เยอะมาก แต่ยังอ่านไม่สนุก
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

50 สารเสริมและวิตามินกินแทนยา อย่าพึ่งเข้าใจว่าเป็นหนังสือขายอาหารเสริมอะไรทำนองนั้นนะคะ ตรงกันข้ามเลยหนังสือเล่มนี้เน้นขายความรู้เกี่ยวกับอาหารเสริมมากกว่า เป็นหนังสือแนวการรักสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัด พวกสารอาหารและวิตามินต่างๆที่พูดถึง ก็ล้วนเป็นสารอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติทั้งนั้น และที่สำคัญคือพวกมันมีอยู่แล้วในอาหารที่เกินกันปกติในชีวิตประจำวัน เพียงแต่เราไม่รู้จักหรือเรียกชื่อมันมุถูกเท่านั้นเอง สำหรับหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตำราโภชนาการอาหารที่จะให้ความรู้แบบครบถ้วนกับผู้อ่านในเรื่องของสารอาหารต่างๆ เรียกว่าได้ความรู้แบบละเอียดยิบเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือในแบบที่ไม่หนักมาก คิดว่าเล่มนี้คงไม่เหมาะ เพราะว่ามีแต่ตัวหนังสือล้วนๆ อารมณ์ประมาณหนังสือสุขศึกษาหรือชีววิทยาอะไรแบบนั้น อ่านไปอ่านมา บางทีก็รู้สึกว่าเยอะเกินไปรึเปล่า เอาแบบพอดีๆ ไม่ต้องอัดเนื้อหามากขนาดนั้นก็ได้ เพราะบางอย่างก็ไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไมเหมือนกัน ถ้าจะอ่านเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อันนี้ใช้ได้อยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่วัตถุประสงค์ของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ส่วนตัวคิดว่า เล่มนี้น่าจะเหมาะกับการเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์มากกว่า เพราะทฤษฎี ข้อมูล งานวิจัยอ้างอิงดูเยอะดี ดูมีหลักการดีมากๆ ยิ่งเขียนด้วยแพทย์แล้วยิ่งทำให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าครบถ้วนเรื่องความรู้เกี่ยวกับสารอาหารทั้งที่สกัดจากพืช ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ 175 บาทสำหรับเล่มนี้คิดว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับความรู้ที่ได้ แต่ในส่วนของความสนุกยังไม่ให้ผ่านละกัน
เพิ่มความสุข เพียงลดบางสิ่ง
3
เขียนออกมาได้ดีเลยทีเดียว เข้าถึงคนอ่านได้ดีมากๆเลย
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เราอ่านเล่มนี้ไม่ใช่เพราะกำลังมีปัญหาชีวิตหรือเครียดกับงาน ชีวิตตอนนี้ก็โอเคทุกอย่างแต่ที่หยิบเล่มนี้มาอ่านก็เพราะหนังสือเล่มนี้มีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจดี เราอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือแนวนี้มากเท่าไหร่แต่พอได้ลองอ่านเล่มนี้ดู ก็รู้สึกว่าเค้าเขียนออกมาได้ดีเลยทีเดียว วิธีการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านด้วยการบอกให้ลด ละ เลิก พฤติกรรมหรือความคิดที่ไม่ดีต่างๆแล้วเริ่มทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม มันเข้าถึงคนอ่านได้ดีมากๆเลย ขนาดเราซึ่งไม่ได้มีปัญหาทุกข์ร้อนอะไร อ่านแล้วยังรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น แล้วถ้าเป็นคนที่กำลังเจอเรื่องแย่ๆล่ะ เราว่าคงได้กำลังใจจากหนังสือเล่มนี้เพียบแน่นอน เล่มนี้จะมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นบท แต่ละบทจะพูดถึงเรื่องการลด ละ เลิก แล้วเริ่มเพื่อ ไปให้ถึงอนาคตตามอุดมคติของเรา เพื่อให้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อรักตัวเอง และเพื่อทำให้ตัวเองมีชีวิตชีวา ในแต่ละบทจะมีวิธีต่างๆอีกเยอะแยะเลย บางเรื่องก็ทำได้ง่าย บางเรื่องก็อาจจะทำยากหน่อย แต่ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกเรื่องก็ได้ ในส่วนของภาษาที่ใช้ถึงแม้จะเป็นภาษาง่ายๆ แต่แปลกที่อ่านแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจได้เหมือนกัน คงเป็นเพราะผู้เขียนเลือกเรื่องที่ตรงใจคนมาเขียนด้วยเลยทำให้เข้าถึงคนอ่านได้ง่าย ข้อดีของหนังสือเล่มนี้ก็คือตรงใจคนอย่างที่บอกไปแล้ว ใช้ภาษาที่อ่านง่าย แล้วก็เรื่องที่แนะนำก็เป็นเรื่องพื้นๆที่ทำได้ทุกคน ต้องลองอ่าน รับรองว่าผู้อ่านจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นจริงๆ
อาเชียน 360 องศา
3
มีข้อมูลที่จำเป็นค่อนข้างครบเลย คุ้มค่ามากทั้งในเรื่องของข้อมูลความรู้ รูปภาพประกอบ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตอนนี้หนังสือที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนมีเยอะเต็มไปหมดจนเลือกกันไม่ถูก บางเล่มก็มีเนื้อหาละเอียดดี บางเล่มก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ อาจจะมีเนื้อหาซ้ำๆกันบ้าง แต่สำหรับอาเซียน 360 องศา จะพูดถึงเรื่องราวของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบรอบด้าน เป็นข้อมูลทั่วไปพื้นฐานที่จะทำให้เรารู้จักประเทศเพื่อนบ้านของเรามากขึ้น แต่อาจจะเป็นข้อมูลแบบเดียวกับที่เราเรียนจากหนังสือเรียนไม่ใช่ข้อมูลลึกซึ้งอะไร ในแต่ละประเทศจะมีการพูดถึงเพลงชาติ เนื้อร้องและคำแปล ศิลปะวัฒนธรรมประเพณี สถานที่สำคัญ อาหารประจำชาติ ชุดประจำชาติ ความสัมพันธ์กับประชาคมอาเซียน ความสัมพันธ์กับประเทศไทย บุคคลสำคัญ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและทรัพยากรสำคัญ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประชากร ลักษณะทางภูมิศาสตร์ และภาษาน่ารู้ สรุปความร่วมมือด้านต่างๆที่ผ่านมาในอาเซียน อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้ว่าเป็นหนังสือที่เหมาะกับผู้ที่สนใจต้องการหาข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน นอกจากเรื่องเกี่ยวกับประเทศสมาชิกแล้ว ก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง กฎบัตรอาเซียน และสรุปความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ เช่นด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง เป็นต้น ลองเปรียบเทียบระหว่างอาเซียน 360 เล่มนี้กับอีกเล่มที่ได้รีวิวไปคือเปิดประตูท่องเที่ยวอาเซียนที่พูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเดียว เล่มนี้คุ้มค่ามากกว่าทั้งในเรื่องของข้อมูลความรู้ รูปภาพประกอบ การจัดรูปเล่ม น่าสนใจกว่ามาก จริงๆแล้วอยากแนะนำให้เล่มนี้ใช้เป็นหนังสือเรียนเลยด้วยซ้ำ เพราะว่ามีข้อมูลที่จำเป็นค่อนข้างครบเลย จะใช้ในระดับมัธยมหรือระดับประถมก็ยังได้
3
การสอนลูกๆจะเป็นการสอนผ่านการทำกิจกรรมในบ้านร่วมกัน ซึ่งทุกครอบครัวสามารถทำตามได้ไม่ยาก
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เวลาที่เราพูดถึงเรื่องครอบครัว เรามักนึกถึงบทบาทของคุณแม่ในการเป็นแม่บ้านและการดูแลสมาชิกในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือว่าคุณลูก แต่จริงๆแล้วคุณพ่อเองก็สามารถมีบทบาทในการดูแลลูกๆได้เช่นเดียวกัน อย่างที่ในหนังสือบอกไว้ว่า พ่อสามารถเป็นได้ทั้งฮีโร่ของลูก แบบอย่างของลูก แรงบันดาลใจ และผู้สร้างศรัทธาให้กับลูก การเปลี่ยนบทบาทของคุณพ่อจากการที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านมาเป็นการใช้เวลากับครอบครัว กับลูกให้มากขึ้น จะทำให้บทบาทของคุณพ่ออย่างที่บอกไปเกิดขึ้นได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สำหรับกลยุทธ์สร้างเด็กอัจฉริยะ ฉบับคุณพ่อมือโปรเล่มนี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวการเลี้ยงลูกจากประสบการณ์ตรงของคุณพ่อนักข่าวชาวญี่ปุ่นที่ต้องยุ่งกับงานแต่ก็สามารถจัดสรรเวลามาดูแลลูกได้ พูดง่ายๆก็คือหนังสือจะมาแนะนำว่าคุณพ่อท่านนี้ทำอย่างไรถึงจัดสรรเวลางานและเวลาที่ให้กับครอบครัวได้อย่างลงตัว เราเห็นด้วยกับที่ผู้เขียนบอกว่าพ่อคือผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของลูกๆในด้านต่างๆเพราะว่าเราเทียบจากประสบการณ์ของตัวเองที่มีพ่อเป็นตัวอย่าง เป็นที่ปรึกษา คอยให้คำแนะนำ เนื้อหาในบทต่างๆค่อนข้างน่าสนใจเพราะว่ามีเนื้อหาที่ค่อนข้างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องการฝึกนิสัยที่ดี เรื่องการจัดการกับกิจวัตรประจำวัน เป็นต้น ที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เทคนิคต่างๆในหนังสือก็จะเป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัว การสอนลูกๆจะเป็นการสอนผ่านการทำกิจกรรมในบ้านร่วมกัน ซึ่งทุกครอบครัวสามารถทำตามได้ไม่ยาก
3
เป็นหนังสือที่ไม่ได้ช่วยให้รวย แต่ช่วยให้คนอยากรวยคิดเป็น
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ ว่าด้วยเรื่องการสร้างแรงจูงใจในการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบมีหลักการ เชื่อว่าหลายคนอยากรวย อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี อาจจะยังไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องทุนทรัพย์ ไอเดีย หรือว่ายังกล้าๆกลัวๆอยู่ ลองมาอ่านเล่มนี้ดูน่าจะได้แนวคิดอะไรไปบ้างไม่มากก็น้อย ในตอนแรกๆผู้เขียนจะปูพื้นด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนอ่านก่อนว่าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ ที่สำคัญคือคุณต้องเป็นคนที่รู้จักมองหาโอกาสหรือช่องทางในการทำธุรกิจ ส่วนนี้อ่านดูแล้วถามว่าได้ความมั่นใจมากขึ้นมั้ย ก็ต้องบอกตามตรงเลยว่าไม่ เรารู้สึกเหมือนเป็นการชวนเชื่อมากเกินไปหน่อย ถึงจะเอาประสบการณ์ผู้เขียนมาเป็นตัวอย่างแต่เราก็รู้สึกว่ามันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และไม่แน่ใจว่าผู้เขียนเล่าเรื่องทั้งหมดหรือเปล่า ในส่วนของบทที่ 2 บทนี้ดูน่าสนใจดีเพราะว่าพูดถึงเรื่องการเตรียมตัวในการทำธุรกิจ ซึ่งเราคิดว่าคนที่อยากเริ่มต้นสร้างธุรกิจคงอยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด ส่วนนี้น่าจะเป็นส่วนที่สร้างความมั่นใจได้มากกว่า ต่อไปก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเอง เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ข้อควรระวัง เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติให้เราไม่ประมาท ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ SME เล่มนี้เป็นเล่มที่คิดว่าเหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นจริงๆ แบบที่เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะเนื้อหาค่อนข้างรอบด้านและไม่ลึกมาก อ่านเล่มนี้ก่อนเป็นเล่มแรกแล้วค่อยๆขยับไปเล่มที่เนื้อหาเข้มข้นกว่านี้ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สุขใหญ่ใหญ่ด้วยใจเล็กเล็ก
2
หนังสือแค่เอาเรื่องที่รู้อยู่แล้วมาแต่งเป็นคำโดนๆ มาแต่งด้วยภาษาที่เป็นแบบฉบับของหนังสือแนวจิตวิทยา ทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่าดูมีอะไรเท่านั้นเอง
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ส่วนตัวเวลาที่เราอ่านหนังสือประเภทสร้างแรงบันดาลใจ เราจะคาดหวังสูงมากกับหนังสือประเภทนี้ เราคาดหวังว่าจะได้แนวคิดที่ลึกซึ้ง คำพูดคมๆ ในแบบที่อ่านแล้วรู้สึกได้ว่า ผู้เขียนคิดได้ยังไง ทำไมเราถึงคิดแบบนี้ไม่ได้ อ่านแล้วมันต้องจับใจคนอ่าน เท่าที่อ่านหนังสือแนวนี้มาก็ยังไม่เคยเจอหนังสือในแบบที่เราคาดหวังไว้เลย สุขใหญ่ใหญ่ด้วยใจเล็กเล็ก ก็ยังไม่ใช่หนังสือในแบบที่เราต้องการ เราคิดว่าเล่มนี้ขายความง่าย มากกว่าความลึกซึ้งของเนื้อหา จริงๆแล้วถ้าดูจากชื่อหนังสือก็คงพอเดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นแบบนี้ ที่บอกว่าขายความง่ายก็หมายความว่า เนื้อหาเน้นไปที่เรื่องของการสร้างความสุขจากเรื่องใกล้ตัว ไม่ต้องคิดเยอะ มีความสุขกับเรื่องเล็กๆไม่ใช่กับความฝันที่ยิ่งใหญ่ ถ้ามองกันที่หลักการ ความสุขก็ควรจะเกิดขึ้นด้วยเรื่องง่ายๆอย่างที่หนังสือบอก ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพียงแต่ว่ามันยังไม่โดนใจ มันดูเป็นเรื่องธรรมดาๆที่เราก็คิดเองได้อยู่แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องอ่านจากเล่มนี้ก็ได้ หนังสือแค่เอาเรื่องที่รู้อยู่แล้วมาแต่งเป็นคำโดนๆ มาแต่งด้วยภาษาที่เป็นแบบฉบับของหนังสือแนวจิตวิทยา ทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่าดูมีอะไรเท่านั้นเอง อย่างเช่นเรื่องอย่าจมอยู่กับความทุกข์ เรื่องล้มแล้วต้องลุก เรื่องการเดินทางสายกลาง การไม่ยึดติดอยู่กับอดีต การรู้จักรักตัวเอง จะเห็นว่าเรื่องที่ยกตัวอย่างก็จะเป็นเรื่องทั่วๆไปอย่างที่บอก เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่คิดแบบเราก็คงต้องบอกว่าเล่มนี้ยังไม่ใช่
3
เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยากให้อ่าน อ่านได้ทั้งคนที่ไม่ได้ท้อง คนท้องหรือกำลังเตรียมตัวที่จะตั้งท้อง
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คุณแม่โยคะเป็นหนังสือโยคะอีกเล่มหนึ่งที่ได้มาด้วยความบังเอิญ เพราะว่าไปเจอที่บ้านของเพื่อนที่พึ่งคลอดน้องไป แล้วนางก็แนะนำว่าเป็นหนังสือที่ดี ลองเอาไปอ่านดู ตัวเองไม่ได้เป็นคนท้องนะคะ ถึงแม้จะมีบางช่วงที่ดูเหมือนก็ตาม แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้การฝึกโยคะตามหนังสือมาใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้ ในหนังสือคุณแม่โยคะเล่มนี้ นอกจากจะสอนการฝึกโยคะท่าต่างๆแล้ว มีอีกเรื่องที่น่ารักมากๆเลยก็คือผู้เขียนได้บันทึกช่วงเวลาที่ตัวเองตั้งท้องเอาไว้ด้วย เป็นเหมือนไดอารี่ของแต่ละสัปดาห์ของการตั้งครรภ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อ่านแล้วก็พลอยตื่นเต้นไปกับว่าที่คุณแม่ด้วย เป็นคุณแม่ที่น่ารักมากๆเลย อ่านแล้วแอบอิจฉาเล็กๆ อยากมีลูกกะเค้าบ้าง แต่คงต้องหาพ่อเด็กให้เจอก่อน ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเป็นแอร์โฮสเตสที่ทำงานมานานกว่า 8 ปี ร่างกายก็ทรุดโทรมและเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาก่อน แต่หลังจากที่ได้มาฝึกโยคะก็สามารถกลับมาตั้งท้องได้อีกครั้ง จนได้เปิดคลาสสอนโยคะสำหรับคนท้อง เพราะฉะนั้นผู้อ่านมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับประสบการณ์ตรงจากผู้เขียนแน่นอน ในส่วนของการฝึกท่าต่างๆก็เป็นท่าง่ายๆที่จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะ บรรเทาอาการปวดหลัง เส้นเลือดขอด ช่วยป้องกันรอยแตกตามผิวหนัง ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้า และที่สำคัญคือช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ต้องเข้าใจว่าการตั้งครรภ์ไม่ได้แปลว่าป่วย เพราะฉะนั้นการดูแลร่างกายให้แข็งแรงก็เป็นสิ่งที่ทำได้เหมือนช่วงเวลาปกติ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยากให้อ่าน อ่านได้ทั้งคนที่ไม่ได้ท้อง คนท้องหรือกำลังเตรียมตัวที่จะตั้งท้อง
3
ถ้าเรียกตัวเองว่าเป็นพุทธ ต้องไม่พลาดเล่มนี้ค่ะ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เล่มนี้เป็นหนังสือธรรมะเล่มแรกเลยที่อ่านแล้วก็รีวิว เป็นแนวที่ไม่ถนัดเลย แต่ที่เลือกเล่มนี้มารีวิวเพราะคิดว่าน่าสนใจดี พอดูชื่อหนังสือที่พูดถึงเรื่องนิพพาน ก็เลยอยากลองอ่านดู เรื่องนิพพานเป็นอะไรที่ไม่เคยเข้าใจเลย ตั้งแต่สมัยเรียนพุทธศาสนาตอนเด็กๆ ก็ได้แต่ท่องจำเอาแต่ไม่เคยเข้าใจความหมายที่แท้จริง แต่หลังจากที่ได้อ่านเล่มนี้แล้วก็เข้าใจมากขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นเข้าใจทั้งหมด จริงๆแล้วก็คิดว่าคงไม่มีใครอธิบายเรื่องนิพพานออกมาเป็นตัวหนังสือได้ด้วยซ้ำ แต่เล่มนี้มีดีตรงที่ได้อ่านคำอธิบายของพระหลายๆรูป ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ข้อสรุปที่ตรงกัน ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะได้เห็นมุมมองที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่แค่คำอธิบายแบบเดิมๆตามหนังสือเรียน เราไม่กล้าบอกว่าหนังสือเล่มนี้เขียนดีหรือไม่ดีเพราะความรู้เรื่องพุทธศาสนาของเรายังอ่อนหัดมาก แต่ถ้าให้วัดจากคนที่ไม่ค่อยรู้อะไรแบบเรา คิดว่าหนังสือเล่มนี้เขียนได้เข้าใจง่ายดี อ่านได้เรื่อยๆ ไม่ค่อยน่าเบื่อเหมือนอ่านหนังสือธรรมะทั่วๆไป เราได้เห็นว่ายังมีพระที่พอพึ่งพาได้อยู่ เป็นพระที่สนใจเรื่องหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ ถึงแม้ว่าอ่านจบแล้วยังไม่ค่อยชัดเจนว่านิพพานคืออะไร แต่มีคำอธิบายของท่านพุทธทาสที่คิดว่าน่าสนใจดีก็คือ นิพพานไม่ได้แปลว่าตาย แต่แปลว่าเย็น เป็นความเย็นแห่งชีวิต ไม่มีความร้อนที่เรียกว่ากิเลส ถ้าไม่มีชั่วคราว มันก็เป็นความเย็นชั่วคราว ถ้ามันไม่มีนิดนึง ก็เป็นความเย็นนิดนึง เมื่อใดจิตว่างจากกิเลส จิตนี้ก็เป็นนิพพาน
3
รักให้เป็นต้องรักยังไง มาลองทำความเข้าใจกันดูค่ะ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คู่มือความรัก ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่มือ ก็ชวนให้นึกถึงหนังสือประเภท how to ที่สอนว่าต้องรักยังไง จะเรียกหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นหนังสือที่สอนให้รู้จักรักแบบนั้นก็ได้ แต่ไม่ใช่หนังสือสอนมุขจีบสาว สอนเทคนิคหาคู่อะไรทำนองนั้น ตรงกันข้ามเลย เล่มนี้เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องของความรักในมุมที่กว้างกว่าความรักแบบคู่รักหนุ่มสาว จะบอกว่าเป็นความรักที่มีธรรมะเข้ามาประกอบก็อาจจะไม่ผิดนัก จะพูดยังไงดี เรียกว่ารักแบบมีสมองอย่างนั้นก็ได้ ก่อนจะรักเป็นก็ต้องเข้าใจว่ารักคืออะไรซะก่อน ภาคที่ 1 พูดถึงเรื่องนิยามและอุปสรรคของความรัก เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ได้ยินกันบ่อยแล้ว แต่ว่าในหนังสือก็ยังมีมุมให้ได้ขบคิดอยู่ อย่าพึ่งตัดสินหนังสือจากหัวข้อ ต้องลองอ่านเนื้อหาในนั้นก่อน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ความน่าสนใจอีกอย่างของเล่มนี้ก็คือการพูดถึงวิธีการทำตัวให้เป็นที่รัก ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน ส่วนตัวชอบที่หนังสือพูดถึงสองเรื่องนี้ เพราะความรักไม่ได้มีแค่มิติของการให้แค่เพียงมิติเดียว แต่ยังมีมิติของการถูกรักด้วย ในส่วนของวิธีการ อยากจะเรียกว่าเป็นวิธีการแบบ back to basic คือไม่ว่าคุณจะรักหรือเป็นคนที่ถูกรัก วิธีการที่ได้ผลดีที่สุดก็คือวิธีการที่เรียบง่ายที่สุด ใช้ความจริงใจต่อกันเป็นที่ตั้ง เราเองชอบหนังสือแบบนี้มาก อ่านแล้วรู้สึกอิ่มใจ เป็นหนังสือที่ดูธรรมดาๆ ไม่หวือหวา แต่น่าอ่านสุดๆ เป็นอีกเล่มที่ประทับใจจริงๆ
3
เท่าที่อ่านและคิดตามกลับไม่รู้สึกปวดหัวเลยซักนิด ตรงข้ามรู้สึกว่าสนุกดี
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไม่รู้ว่าผู้อ่านเคยเป็นเหมือนกันรึเปล่า เวลาที่เราพยายามจะหาคำตอบอะไรซักอย่าง ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคำถามเกิดขึ้นตามมาอีกมากมายทุกที แต่ในท้ายที่สุดเมื่อเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ กลับได้คำตอบของคำถามแรกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวซะงั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่าอะไรดี สำหรับเล่มนี้ ความสุขคืออะไร ผู้เขียนก็ตั้งใจจะให้คนอ่านได้ถามและคิดแบบเดียวกันกับที่บอกไป การพยายามคิดไปเรื่อยๆแบบนี้ สุดท้ายเราก็จะได้คำตอบที่เป็นของเราเอง ซึ่งอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่เป็นคำตอบที่ตรงกับความเป็นตัวเรามากที่สุดก็ได้ กับคำที่ว่าความสุขคืออะไร เราว่าเป็นคำถามที่ยากมากๆเลย แต่เท่าที่อ่านและคิดตามกลับไม่รู้สึกปวดหัวเลยซักนิด ตรงข้ามรู้สึกว่าสนุกดี อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้พยายามจะหาคำตอบแบบเอาเป็นเอาตายก็ได้ แต่จะพยายามคิดต่อยอดคำถามไปเรื่อยๆจากในหนังสือมากกว่า สำหรับผู้อ่านที่ชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญาหรือธรรมะ ถ้าได้ลองค้นหาคำตอบของคำถามในหนังสือดูน่าจะสนุก ขนาดตัวเองไม่ใช่คนชอบแนวนี้เลย พอได้ลองอ่านดู ก็รู้สึกว่าได้ท้าทายความคิดตัวเองดีเหมือนกัน การอ่านหนังสือเล่มนี้จะได้ประโยชน์มาก ถ้าอ่านแล้วได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน อ่านแล้วอาจจะไม่ได้ความรู้จากตัวหนังสือโดยตรงเพราะมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่อาจจะได้ความรู้จากเพื่อนในวงสนทนาที่มาแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นกันแทน หรืออย่างแย่ที่สุดคือไม่ได้อะไรนอกจากการได้ฝึกสมองก็เป็นได้ (ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ)
www.batorastore.com © 2024